Clock
ปฏิทิน
ประวัติ ประโยชน์ E-Commerce
Posted by MEMPHISHER | Posted in ประวัติ ประโยชน์ E-Commerce | Posted on 21:51
0
ประวัติ E-Commerce การค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นเริ่มขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2513 ซึ่งได้มีการเริ่มใช้ระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเอฟที (EFT = Electronic Fund Transfer) แต่ในขณะนั้นมีเพียงบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงินเท่านั้นที่ใช้งานระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาอีกไม่นานก็เกิดระบบการส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีดีไอ (EDI = Electronic Data Interchange) ซึ่งสามารถช่วยขยายการส่งข้อมูลจากเดิมที่เป็นข้อมูลทางการเงินอย่างเดียวเป็นการส่งข้อมูลแบบอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินกับผู้ผลิต หรือผู้ค้าส่งกับผู้ค้าปลีก เป็นต้น
หลังจากนั้นก็มีระบบสื่อสารรวมถึงโปรแกรมอื่นๆ เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ระบบที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นจนไปถึงระบบที่ช่วยในการสำรองที่พัก ซึ่งเรียกได้ว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการสื่อสาร และเมื่อยุคของอินเทอร์เน็ตมาถึงเมื่อประมาณปี พ.ศ.2533 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้เกิดขึ้น เหตุผลที่ทำให้ระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างรวดเร็วคือโปรแกรมสนับสนุนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมามากมาย รวมถึงระบบเครือข่ายด้วย พอมาถึงประมาณปี พ.ศ.2537 – 2548 ก็ถือได้ว่าระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซก็เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างมากและรวดเร็ว ซึ่งวัดได้จากการที่มีบริษัทต่างๆ ในอเมริกาได้ให้ความสำคัญและเข้าร่วมในระบบอีคอมเมิร์ซอย่างมากมาย และเริ่มมีการขยายออกไปยังทั่วโลก จนพัฒนามาถึงทุกวันนี้
การนำ E-Commerce มาใช้ทำให้เกิดการประโยชน์และการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอย่างมาก เพราะช่วยลดช่องว่างและการแข่งแข่งขันระหว่างองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ กับขนาดเล็กได้ เพราะทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะมีโอกาสเท่าเทียมกันเมื่อเข้าสู่การโลกของการค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ E-Commerce
ประโยชน์ของ E-Commerce ต่อผู้ประกอบการหรือผู้ขาย
เป็นการสร้างและเพิ่มช่องทางการขายและจัดจำหน่ายมากขึ้น จากตลาดภายในพื้นที่ ออกสู่ตลาดโลกได้อย่างง่ายดาย
เปิดบริการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันปิด (ยกเว้นเว็บไซต์คุณจะล่มไปเสียก่อน)
ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการบริหารและจัดการได้อย่างมหาศาล ทำให้สามารถลดราคาสินค้า เพื่อทำการแข่งขันได้ดีขึ้น
สร้างโอกาสให้เกิดการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่มากมาย
เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพ
เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดีขึ้น
การให้บริการหลังการขายให้คำปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ หรือการแก้ไขเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
ช่วยทำการวิจัยการตลาดและการพัฒนาสินค้าได้อย่างรวดเร็วและประหยัด
ประโยชน์ของ E-Commerce ต่อผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ
เลือกซื้อสินค้าได้ในราคาถูกกว่าทั่วไป
เลือกซื้อสินค้าและบริการได้จากร้านค้าต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก
มีโอกาสเลือกและเปรียบเทียบราคาสินค้าได้มากขึ้น
ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางไปซื้อสินค้าถึงที่
รับสินค้าได้ทันที (หากเป็นสินค้าประเภทสื่อดิจิตอล เช่น เพลง โปรแกรม และไม่มีค่าขนส่ง)
สามารถดูข้อมูลสินค้าได้ละเอียดมากขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก
ได้รับความสะดวกในการจัดส่ง เพราะสินค้าส่วนใหญ่จัดส่งถึงบ้าน
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
Posted by MEMPHISHER | Posted in พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ | Posted on 21:48
0
E-commerce หรือเรียกกันทั่วไปว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกรรมหรือธุรกิจ ที่ผ่านช่องอิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทาง เช่น อินเทอร์เน็ต, โทรศัพท์, วิทยุ, โทรทัศน์, แฟกซ์ เป็นต้น ทั้งในรูปแบบ ข้อความ เสียง และภาพ รวมถึงการขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหาข้อมูลแบบดิจิตอล ถือว่าเป็น E-Commerce ทั้งนั้น ดังนั้นการซื้อขายในรูปแบบ E-Commerce เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่คำว่า E-Commerce เพิ่งมาเป็นที่รู้จักและยอมรับกัน หลังจากมีการค้าขายผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
E-Commerce ในปัจจุบันเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต กับการจำหน่ายสินค้าและบริการโดยสามารถนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าหรือบริการผ่านทาง อินเทอร์เน็ต สู่คนทั่วโลกภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้การดำเนินการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดรายได้ในระยะเวลาอันสั้น
E-commerce คืออะไร?
Posted by MEMPHISHER | Posted in E-commerce คืออะไร | Posted on 21:39
0
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในวันนี้พุ่งเป้าไปที่อินเทอร์เน็ต เพราะว่าเป็นเครื่องมือชิ้นล่าสุดของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และคงปฏิเสธไม่ได้ครับว่าทุกวันนี้ไม่มีสื่อใดๆ ที่มีพลังและอนาคตเท่าสื่ออินเทอร์เน็ตเพราะบริการบนอินเทอร์เน็ตมีหลายหลายมากไม่ว่า อีเมล์, เว็บไซต์หรือแม้แต่เทคโนโลยีลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาท เพิ่มมากขึ้นในการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตให้มีความรัดกุมเพิ่มขึ้นในไม่ช้า
ทุกวันนี้คุณไม่จำเป็นต้องกังวลในความยุ่งยากในการจัดทำเว็บไซต์อีกแล้ว เพราะมีบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ให้มากมายและราคาก็ไม่แพงอีกต่อไปแล้วครับ เนื่องจากภาวะการแข่งขันกันทำตลาดมากขึ้นทุกวันซึ่งเว็บไซต์ของคุณจะสวยงามเพียงไหน หรือหากมีการหักเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยคุณต้องไปติดต่อกับธนาคารที่คุณจะใช้บริการด้วยครับโดยทางธนาคารจะคอยช่วยเหลือคุณถึงวิธีการที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถทำธุรกรรมหักบัญชีผ่านบัตรเครดิตได้เป็นอย่างดี
วันครูแห่งชาติ
Posted by MEMPHISHER | Posted in | Posted on 21:13
0
ในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 16 มกราคมของทุกๆ ปี เป็น "วันครู" และการจัดงานวันครู ได้มีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 และให้ดำเนินเรื่อยมาทุกปี นับตั้งแต่บัดนั้นมา โดยจัดให้มีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ
ประวัติความเป็นมา
วันครู ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครู และครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้ และความสามัคคีของครู
ทุกปีคุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา เป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา
พ.ศ.2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า
"ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"
จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ให้มีวันครูเพี่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพจารย์ ส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครูและพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน
คณะมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 เป็นวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว
งานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญ คือ หนังประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันครู
เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาท และหน้าที่ของครู ตลอดจนจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีครู และบทบาทหน้าที่ของศิษย์ที่พึงปฏิบัติต่อครู คลอดจนการจัดกิจรรมได้เหมาะสม และมีประสิทธภาพ
กิจกรรมวันครู
การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตนการกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬา หรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น
ที่มา ข้อมูล www.kapook.com
รูปภาพ http://www.phuketcity.go.th
9 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่ ของชาวกรุง
Posted by MEMPHISHER | Posted in | Posted on 23:30
0
1. แยกราชประสงค์บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริเป็นสถานที่สองที่อยากจะแนะนำให้ไปเสียเหลือเกิน ตั้งแต่แยกปทุมวันถึงชิดลม และตั้งแต่แยกลุมพินิถึงสะพานเฉลิมโลก (ประตูน้ำ) ที่นี่คุณจะต้องตะลึงกับโคมไฟที่ประดับอยู่สองข้างทา ง ซึ่งทำให้ได้ลื่นไอของเทศกาลเป็นที่สุด ดูเจริญตาเจริญใจไม่น้อย
2. ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับใครที่มองหาแหล่งเที่ยวช่วงปีใหม่ เพราะที่นี่มีการจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แท บทุกปี มีทั้งการประดับไฟสวยงามในบริเวณรอบๆ รวมถึงการปิดถนนเพื่อให้ประชาชนได้มาเฉลิมฉลองกันเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ยังไม่รวมถึงกิจกรรมบันเทิงเริงใจที่ทางภาครัฐและเอก ชนพร้อมใจกันจัดให้อีก เรียกว่าที่นี่คุ้มเสียยิ่งกว่า
3. ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคล 9 พระอารามหลวง
- วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
- วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
- วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
- วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
- วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
- วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
- วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)
- วัดบวรนิเวศวิหาร
- วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
4. สะพานพระราม 8 ต้องบอกว่าไม่ไปเสียดายแย่ ปีหนึ่งมีแค่หนเดียวเท่านั้นที่จะได้ชมความสวยงามของ สะพานพระราม 8 เพราะที่นี่มีการจัดแสดงแสง สี เสียง ประกอบพลุ ดอกไม้ไฟ คุณๆ จะได้เห็นความสวยงามของพลุดอกแล้วดอกเล่าที่จุดขึ้นฟ้าส่องประกายสวยงาม เปรียบดังชีวิตในช่วงปีใหม่ที่จะมาถึงให้ลุกโชติช่วง ชัชวาลกันเลย
5. สนามหลวง แสงไฟสวยๆ บรรยากาศรอบพระราชวัง และ วัดพระแก้ว
6. สถานบันเทิง เช่น ถนนข้าวสาร, RCA, ผับโปรดของคุณ
7. ภัตราคารบนดาดฟ้าตึกสูง เช่น ตึกใบหยก, The Roof Siam @ Siam , The Dome at State Tower
8. ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ล่องเรือริมฝั่งแม่น้ำ, สะพานพระราม8, ภัทราวดีเธียร์เตอร์
9. บ้าน สำหรับคนที่เบื่อการเดินทางในช่วงเทศกาลอย่างนี้ ไปทางไหนก็มีแต่รถติด คนเยอะ จอแจอึดอัด การฉลองปีใหม่ที่บ้านก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกจากจะสะดวกสบายแล้วยังเป็นการสร้างความสุข และความผูกพันกันภายในครอบครัวอีกด้วย พร้อมกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่การทำอาหารรับประทานกัน นั่งพูดคุยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในหนึ่งปี. ร้องดาราโอเกะ หรือจะดริ้งก์กันนิดหน่อยพอเป็นกระสายก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่างใดแถมยังถูกต้องกับสโลแกนที่ว่า “เมาไม่ขับ” อีกต่างหาก
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ www.mthai.com
การละเล่นพื้นเมืองภาคอีสาน
Posted by MEMPHISHER | Posted in การละเล่นพื้นเมืองภาคอีสาน | Posted on 23:33
0
ภูมิประเทศภาคอีสานเป็นที่ราบสูง ค่อนข้างแห้งแล้งเพราะพื้นดินไม่เก็บน้ำ ฤดูแล้งจะกันดาร ฤดูฝนน้ำจะท่วม แต่ชาวอีสานก็มีอาชีพทำไร่ทำนา และเป็นคนรักสนุก จีงหาความบันเทิงได้ทุกโอกาสการแสดงของภาคอีสาน มักเกิดจากกิจวัตรประจำวัน หรือประจำฤดูกาล เช่น แห่นางแมว เซิ้งบั้งไฟ เซิ้งสวิง เซิ้งกระติบ รำลาวกระทบไม้ ฯลฯลักษณะการแสดงซึ่งเป็นลีลาเฉพาะของอีสาน คือ ลีลาและจังหวะในการก้าวเท้า มีลักษณะคล้ายเต้น แต่นุ่มนวล มักเดินด้วยปลายเท้าและสบัดเท้าไปข้างหลังสูง เป็นลักษณะของ เซิ้ง ดนตรีพื้นเมืองอีสาน ได้แก่ กลองยาว กรับ ฉาบ โหม่ง แคน โปงลาง
ตัวอย่าง
ที่มา รูปภาพ - http://www.weekendhobby.com
ข้อมูล - http://show-organize.com
วีดีโอ - www.youtube.com